fbpx

นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้า

ประกาศเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับเว็บไซต์ www.richs.co.th

บริษัทให้ความสำคัญและถือเรื่องข้อมูลส่วนตัวของท่านเป็นเรื่องสำคัญ ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทใช้ และปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ที่นี่

ประกาศความเป็นส่วนตัวและแนวปฏิบัติเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า

(Privacy notice for the customer)

 

  1. บทนำ

เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง กฎหมาย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต รวมถึง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ประกาศและบังคับใช้ ณ ปัจจุบัน บริษัท ริช โปรดักส์ แมนูแฟคเจอริ่ง(ประเทศไทย) จำกัด (“องค์กรฯ”) จึงจัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวและแนวปฏิบัติเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า (“ประกาศฯ”) เพื่ออธิบายถึงวิธีการที่องค์กรฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อาทิ วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือ การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล การเข้าถึงหรือการจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัดการเข้าถึง การลบหรือการทำลาย เป็นต้น

ดังนั้น โดยประกาศฯฉบับนี้ องค์กรฯ ขอแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล  ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ขอให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ภายใต้ประกาศฯ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

  1. ความหมายของข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม โดยเฉพาะ เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลข โทรศัพท์อีเมล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ประวัติการทำงาน เป็นต้น ทั้งนี้ ไม่รวมถึงข้อมูล ของผู้ถึงแก่กรรม

 

  1. กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่องค์กรฯ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่องค์กรฯ ทำการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบด้วย

  • “ลูกค้า” หมายถึง บุคคลที่เป็นคู่สัญญา และ/หรือ บุคคลที่ซื้อสินค้า และ/หรือ ใช้บริการจากองค์กรฯ และ/หรืออาจจะซื้อสินค้าและ/หรือใช้บริการจากองค์กรฯ หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ ผู้ใช้บริการแอปพลิเคชั่น หรือ ผู้ที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลหรือขอรับบริการจากองค์กรฯ และ/หรือบริษัทกลุ่มในเครือ เป็นต้น
  • “ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า” หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของลูกค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคลากรใด ๆ ของลูกค้า และรวมถึง ผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้จัดการ ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า หรือผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น
  • “บุคคลที่สาม” หมายถึง บุคคลที่ลูกค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่องค์กรฯเช่น ชื่อ นามสกุล รายละเอียดที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการติดต่อฉุกเฉิน หรือเพื่อการอ้างอิงอื่นใด ทั้งนี้องค์กรฯ จะแจ้งให้ลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องกับลูกค้าเพื่อขอความยินยอมในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่องค์กรฯ และแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวตามนโยบายฉบับนี้แก่บุคคลที่สามด้วย

 

  1. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

องค์กรฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับองค์กรฯ โดยตรง

ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่องค์กรฯ โดยตรง เช่น

  • เมื่อท่านติดต่อสื่อสาร สอบถามข้อมูล ให้ความเห็นหรือคำติชมแก่องค์กรฯ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารเป็นในรูปแบบลายลักษณ์อักษร วาจา ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ไปรษณีย์ การพบปะกันโดยตรง หรือโดยวิธีการอื่นใด
  • เมื่อท่านแสดงเจตนาเพื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากองค์กรฯ เข้าทำสัญญาค้าขายกับองค์กรฯ หรือส่งมอบ เอกสารต่างๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏอยู่มาให้แก่องค์กรฯ
  • เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด การจับสลากชิงโชค งานอีเว้นท์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดขึ้นโดยหรือในนามขององค์กรฯ เป็นต้น
    • ข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก

องค์กรฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอก เช่น

  • การเก็บข้อมูลจากผู้ให้บริการต่าง ๆ ขององค์กรฯ เช่น ผู้ให้บริการเว็บไซต์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการ พื้นที่พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) ผู้ให้บริการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) ผู้ให้บริการ ประชาสัมพันธ์และแนะนำสินค้า/บริการ และผู้ให้บริการรวบรวมข้อมูล เป็นต้น
  • บางกรณีองค์กรฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ ธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองหรือได้ให้ ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังกล่าว

 

  1. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรฯ เก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ ท่านให้ไว้กับองค์กรฯ โดยตรงหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ได้แก่

  • ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ เป็นต้น
  • ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน สถานที่จัดส่งสินค้า สถานที่จัดส่งใบแจ้ง หนี้ หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ไอดีผู้ใช้สำหรับไลน์แอปพลิเคชัน (Line ID) และข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ เป็นต้น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของลูกค้า เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับร้านค้า หรือสถานประกอบการของลูกค้า (เช่น ชื่อ เลขทะเบียน สถานที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อ เป็นต้น) เป็นต้น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย เช่น รหัสลูกค้า รายละเอียดการสั่งซื้อ (อาทิ สินค้าที่ต้องการ จำนวน และคุณภาพ) และรายละเอียดการร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้า (อาทิ วันที่สั่งซื้อสินค้า ประเภทสินค้า สาขาที่เกี่ยวข้อง และปัญหาที่พบ)  เป็นต้น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน เช่น จำนวนเงิน วงเงินสินเชื่อ เงื่อนไขการชำระเงิน เลขที่บัญชี ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน และใบหักบัญชีเงินฝาก เป็นต้น
  • ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นลูกค้ากับองค์กรฯ หรือในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วน บุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนการค้า สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แบบฟอร์มลงทะเบียน สำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน ใบขอเปิดหน้าบัญชีลูกค้า หนังสือ มอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท สำเนาภพ.09 หรือ ภพ.20 แผนที่ เอกสารที่เป็นหลักประกัน (ถ้ามี) (เช่น หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร (Bank Guarantee) และหนังสือค้ำประกันโดยบุคคล) สัญญาซื้อขายหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง กับธุรกรรม และใบส่งสินค้า เป็นต้น
  • ข้อมูลอื่น ๆ เช่น พฤติกรรมหรือแนวโน้มในการซื้อสินค้าและ/หรือบริการ บันทึกเสียงการสนทนา และบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น

 

  1. การดำเนินการต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาก่อนมีการบังคับใช้ประกาศฯ

กรณีที่องค์กรฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอาไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ องค์กรฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่องค์กรฯ ได้แจ้งไว้แก่ท่านในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งท่านมีสิทธิที่จะยกเลิกความยินยอมได้ โดยติดต่อมายังองค์กรฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในท้ายของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้  องค์กรฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่าน และดำเนินการตามฐานประมวลผลที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

 

 

 

  1. วัตถุประสงค์ และ ฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

องค์กรฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

 

 

ลำดับ วัตถุประสงค์ ฐานประมวลผลตามกฎหมาย
1 เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทะเบียนการสมัครเป็นลูกค้าหรือเพื่อเปิดบัญชีลูกค้า หรือบุคคล อื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน านสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นสิ่งที่องค์กรฯ พึงกระทำเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของคำขอ หรือคำเสนอ และสามารถดำเนินการลงทะเบียนเป็นลูกค้ารายใหม่หรือการเปิดบัญชีลูกค้า ผ่านช่องทางที่องค์กรฯ กำหนด

านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีที่ลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นนิติบุคคล องค์กรฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจขององค์กรฯ  เช่น การจัดการบัญชี และการตรวจสอบเพื่อยืนยันตัวตนของลูกค้า เป็นต้น

2 เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ข้อมูลและ สำรวจพฤติกรรมของลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ฐานความยินยอม การที่องค์กรฯ ดำเนินการสัมภาษณ์ สำรวจและ/หรือ สังเกตพฤติกรรมของลูกค้า รวมถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หรือการซื้อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามาจากบุคคลภายนอก เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลและสำรวจพฤติกรรมของลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน องค์กรฯจะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันก่อนหรือในขณะที่เก็บข้อมูล
3 เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำสัญญาและการวาง หลักประกัน านสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรฯในการเข้าทำสัญญา และ/หรือดำเนินกระบวนการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำสัญญา เช่น การตรวจสอบหลักฐานประกอบการทำสัญญา การพิจารณาวงเงินสินเชื่อ และการวางหลักประกัน เป็นต้น

านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีที่ลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นนิติบุคคล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าหรือของบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นสิ่งจำเป็นและสามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายขององค์กรฯ เช่น การบริหารจัดการสัญญา การตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้าและการพิจารณาคุณสมบัติลูกค้า เป็นต้น

4 เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการคำสั่งซื้อ จากลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

 

านสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือ บุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน กระทำไปเพื่อให้องค์กรฯสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามตามสัญญาซื้อขาย บริการ และ/หรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นคู่สัญญา เช่น การจัดการคำสั่งซื้อที่ส่งมายังองค์กรฯ ผ่านช่องทาง ใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางที่องค์กรฯ จัดเตรียมไว้ หรือ ผ่านช่องทางของบุคคลที่สาม

านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีที่ลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นนิติบุคคล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าหรือของบุคคลอื่นในลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นสิ่งจำเป็นและสามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจขององค์กรฯ เช่น การบริหารจัดการ คำสั่งซื้อจากลูกค้า และการตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า เป็นต้น

5 เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดเตรียมสินค้าและ/ หรือบริการ และดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง านสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือ บุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน กระทำไปเพื่อให้องค์กรฯสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาซื้อขาย บริการ และ/หรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นคู่สัญญาเช่น การจัดส่งสินค้า การวางบิล การยืนยันยอดหนี้ ค้างชำระ และการจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้แก่ลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นต้น

านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีที่ลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นนิติบุคคล การประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าหรือของบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นสิ่งที่องค์กรฯ ต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจขององค์กรฯ เช่น การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เป็นต้น

6 เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าในระบบจัดการข้อมูลขององค์กรฯ านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน กระทำไปเพื่อให้เกิดความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของข้อมูลคู่สัญญา หรือ คู่ค้าขององค์กรฯ อีกทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ในกรณีที่มีการแก้ไข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในระบบจัดการข้อมูลขององค์กรฯ
7 เพื่อวัตถุประสงค์ในการรับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่ มีลักษณะคล้ายคลึงกัน านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน กระทำไปเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการที่องค์กรฯ จะสามารถรับเรื่องร้องเรียน ข้อแนะนำ หรือข้อคิดเห็น เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
8 เพื่อวัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์เสนอ สินค้าและบริการ รวมถึงเพื่อกิจกรรมทาง การตลาดขององค์กรฯ และบริษัทในเครือ านความยินยอม องค์กรฯ อาจดำเนินกิจกรรมทางการตลาด ใด ๆ อาทิ การส่งข้อความเกี่ยวกับการสื่อสารทางการตลาดให้แก่ ลูกค้า การขอถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวของลูกค้า เพื่อนำไปประมวลภาพและประชาสัมพันธ์กิจกรรมการตลาดตามช่องทางสื่อต่าง ๆ ทั้งนี้ องค์กรฯ จะดำเนินการโดยขอความยินยอมจากท่านก่อนหรือขณะที่ดำเนินกิจกรรม
9 เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์การใช้งานของท่าน ผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางอื่นใด เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการของ องค์กรฯ หรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วน บุคคลของท่านจากการใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือ ช่องทางอื่นๆ เป็นสิ่งจำเป็นที่องค์กรฯจะต้องกระทำเพื่อประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายขององค์กรฯ ในการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาคุณภาพการให้บริการขององค์กรฯ เช่น การปรับปรุงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน  หรือช่องทางอื่นใด ทั้งนี้ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ ตลอดจนการแก้ไขข้อบกพร่องและปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ

านความยินยอม ในกรณีที่องค์กรฯ เก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อนำมาวิเคราะห์ พฤติกรรมและทำโฆษณาแบบเจาะจงตามพฤติกรรมของท่าน หรือทำการตลาดแบบตรง หรือในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน องค์กรฯ จะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากท่านก่อนหรือขณะที่ดำเนินการ

10 เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

 

 

านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วน บุคคลเป็นสิ่งจำเป็นที่องค์กรฯจะต้องกระทำเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ในการติดต่อสื่อสารกับท่านเกี่ยวกับการให้บริการต่าง ๆ ของบริษัท ฯ เช่น การดำเนินการตามคำขอใช้บริการ การตอบข้อซักถาม หรือข้อเสนอแนะของท่าน เป็นต้น
11 เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายที่ เกี่ยวข้องกับธุรกิจขององค์กรฯ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง านกฎหมาย เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งบังคับใช้กับบริษัท ฯ อาทิ กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
12 เพื่อวัตถุประสงค์ในการเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการใช้เป็นข้อต่อสู้เกี่ยวกับการใช้สิทธิเรียกร้องขององค์กรฯ านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีนี้ เป็นไปตามสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายขององค์กรฯ ในการใช้สิทธิเรียกร้อง หรือใช้ข้อมูลใดๆเพื่อเป็นข้อต่อสู้อันเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องขององค์กรฯ ภายใต้ขั้นตอนตามกฎหมาย เช่น การสอบสวน และ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมการดำเนินคดี  และ/หรือ การต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
13 เพื่อการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อท่านหรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดใด ๆ ข้างต้น านประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นที่องค์กรฯพึงจะกระทำเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ในการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็น และ/หรือจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น

อย่างไรก็ดี หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใด ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน องค์กรฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อนหรือระหว่างการดำเนินการ

14 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่องค์กรฯจะแจ้งให้ท่านทราบ องค์กรฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์อื่นใดอันเป็นเหตุให้องค์กรฯ ต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ข้างต้นหรือเมื่อบริษัท ฯ มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน องค์กรฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อนหรือระหว่างการดำเนินการ

 

 

เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่องค์กรฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น ในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่องค์กรฯ อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย  หรืออาจทำให้องค์กรฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้  ตามแต่กรณีที่อาจเกิดขึ้นนั้น

ในกรณีดังกล่าวนี้องค์กรฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขายหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่านไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน แล้วแต่กรณี

 

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

องค์กรฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด  ให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้

  • ผู้บริหาร คณะกรรมการ คณะกรรมการบริหาร พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในองค์กรขององค์กรฯ และ/หรือบริษัทในเครือ โดยพิจารณาเฉพาะเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องและตามความจำเป็นที่จะต้องได้รับข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของตน
  • คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรฯ มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่องค์กรฯ ในการให้บริการต่าง ๆ เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการเก็บบันทึกข้อมูล บริการชำระเงิน บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทำการตลาด หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจขององค์กรฯ
  • บุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นที่ปรึกษาขององค์กรฯ อาทิ ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายใน และภายนอกขององค์กรฯ
  • หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมายหรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพากร กระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ อาทิ การเปิดเผยการประมวลภาพกิจกรรมตามช่องทางสื่อต่าง ๆ ขององค์กรฯ ให้แก่ประชาชนทั่วไป
  • การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่ กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน องค์กรฯ จะขอความ ยินยอมจากท่านก่อนหรือระหว่างการดำเนินการ
  • ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น องค์กรฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ ในกรณีที่องค์กรฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ องค์กรฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยองค์กรฯ จะขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว

 

  1. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

องค์กรฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็น ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ

นอกจากนี้ องค์กรฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) โดยคำนึงถึงอายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นจากหรือที่เกี่ยวข้องกับเอกสารหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรฯ เก็บรวบรวมไว้ในแต่ละรายการ และคำนึงถึงแนวปฏิบัติขององค์กรฯ และของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทเป็นสำคัญ

ในเบื้องต้นองค์กรฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับองค์กรฯ สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี องค์กรฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเกินกว่าระยะเวลา ดังกล่าว หากกฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายขององค์กรฯ

หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น องค์กรฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการจัดเก็บ หรือระบบขององค์กรฯ และของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่องค์กรฯ (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีที่องค์กรฯ สามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ต่อไปตามที่กฎหมายว่า ด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลา เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังองค์กรฯ ตามแนบท้ายหนังสือนี้

 

  1. สิทธิทางกฎหมายในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้หลักเกณฑ์  วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

 

 

สิทธิที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล คำอธิบาย
1. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัท ฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
2. สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน รวมถึงมีสิทธิ ขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
3. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านอาจขอให้องค์กรฯ ลบ ทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในกรณีที่กฎหมายว่า ด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้องค์กรฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กำหนด
6. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วน สมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7. สิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอม ในกรณีที่องค์กรฯ อาศัยความยินยอมของท่านเป็นฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฯ ซึ่งท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลดังกล่าวแก่องค์กรฯ แล้ว ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้กับองค์กรฯ ได้
8. สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน หากท่านมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ ขององค์กรฯ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อมายังองค์กรฯ โดยใช้ช่องทางดังที่ปรากฎรายละเอียดการติดต่อ ตาม
ข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้  ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าองค์กรฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

 

ทั้งนี้ องค์กรฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน โดยองค์กรฯ จะดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้

คำร้องขอใช้สิทธิใดๆ ข้างต้นนี้ หากเป็นกรณีที่มีจำกัดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง องค์กรฯ ย่อมสามารถปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น เมื่อบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล โดยบริษัทจะพิจารณาและบริษัทจะทำการแจ้งผลพิจารณาคำร้องภายใน 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องดังกล่าว

 

  1. วิธีการติดต่อองค์กรฯ

ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่กำหนดไว้ในประกาศฯ นี้ ท่านสามารถติดต่อกับองค์กรฯ ผ่านช่องทาง ดังนี้

ฝ่าย : การตลาด

โทรศัพท์ : 02-264-0261-4 ต่อ 131 วันและเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ 8.30-17.30 น.

อีเมล : [email protected]

 

  1. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว

ประกาศฯ นี้ อาจจะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว อันเนื่องมาจากเหตุผลต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการบริหารจัดการขององค์กรฯ  โดยประกาศความเป็นส่วนตัวนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อองค์กรฯ ได้เผยแพร่หรือแจ้งให้ท่านทราบโดยการติดประกาศและ/หรือทางการสื่อสารภายในองค์กรด้วยวิธีการอื่น

อย่างไรก็ตาม หากการแก้ไขดังกล่าวมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
องค์กรฯ จะแจ้งท่านทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงที่มีต่อการแจ้งนโยบายนี้ ผ่านทางระบบการสื่อสารภายในองค์กร เช่น  อีเมล  ประกาศหน้าเว็บไซต์ขององค์กรฯ หรือช่องทางอื่นๆ ที่ท่านสามารถเข้าถึงได้

 

ประกาศ ณ วันที่ 29 เมษายน 2565

 

บริษัท ริช โปรดักส์ แมนูแฟคเจอริ่ง(ประเทศไทย) จำกัด